สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดแนวนโยบายยกระดับภาคเกษตรสู่สมาร์ท ฟาร์มมิ่ง ตั้งเป้าเป็น BCG Capital ของอาเซียน หวังขยายโอกาสกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพ ลงทุนในต่างประเทศ พร้อมเผยความคืบหน้าโครงการตามยุทธศาสตร์ "ไบโอฮับ"
เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. "คุณสุทธิเกตติ์ ทัดพิทักษ์กุล" ผู้บริหาร สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ "บีโอไอ" ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงโอกาสของอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพในประเทศไทย ผู้บริหาร บีโอไอ กล่าวว่า บีโอไอให้ความสำคัญกับการส่งเสริมกิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพเป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของกลุ่มอุตสาหกรรม BCG ด้วยจุดเด่นของประเทศไทยที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมกลุ่มนี้มีการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีคำขอรับส่งเสริมการลงทุนกว่า 200 โครงการ มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท จากโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งหมดกว่า 2,000 โครงการต่อปี
“ความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพ ช่วยสร้างโอกาสในวิกฤตให้กับประเทศไทย โดยในช่วงที่ผ่านมา บีโอไอให้ความสำคัญกับกิจการกลุ่มนี้เป็นพิเศษ มีการเพิ่มกิจการใหม่ ๆ และให้สิทธิประโยชน์เพื่อยกระดับผู้ประกอบการในประเทศไทยให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้สอดคล้องกับกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก” คุณสุทธิเกตติ์ กล่าว
ด้วยการมุ่งมั่นยกระดับให้ประเทศไทยก้าวสู่เป้าหมายการเป็น BCG Capital ของอาเซียน และการให้สิทธิประโยชน์ของบีโอไอ ทำให้ปีที่ผ่านมา มีการขยายการลงทุนจากบริษัทผู้ผลิตอาหารระดับโลกมายังประเทศไทย อาทิ มันฝั่งพริงเกิลส์ คุกกี้โลตัส รวมถึงผู้ประกอบการไทย อย่างวราภรณ์ซาลาเปา และคุณเก๋ ขนมหวาน ผู้ผลิตขนมไทย ที่มีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และแพคเกจจิ้งที่ทันสมัย เป็นตัวอย่างของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากบีโอไอจูงใจให้เกิดการพัฒนาและยกระดับกระบวนการผลิตให้ทันสมัยสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค
นอกจากนี้ บีโอไอยังมุ่งส่งเสริมการลงทุนในเชิงของพื้นที่ โดยมีโมเดลความสำเร็จของโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ต่อยอดสู่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ กลาง ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ Northeastern Economic Corridor: NeEC – Bioeconomy ที่เน้นการลงทุนในอุตสาหกรรม BCG เพื่อพัฒนาเป็นฐานอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ตลอดห่วงโซ่การผลิต หรือ “ไบโอฮับ” ซึ่งในปี 2567 บีโอไอจะออกแบบมาตรการใหม่ ๆ เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนให้สอดคล้องกับความหลากหลายและจุดแข็งของแต่ละพื้นที่ของระเบียงเศรษฐกิจทั้ง 4 ภาค เพื่อกระจายการลงทุนไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย