จับเข่าคุยประธานสภาอุตสาหกรรม “เกรียงไกร เธียรนุกุล” หลังร่วมทริปขึ้นเวทีที่ปักกิ่ง ดึงนักลงทุนจีนขยายการลงทุนเพิ่ม สอดคล้องนโยบาย China 2025 มั่นใจไทยเนิ้อหอมไม่แพ้ “เวียดนาม-มาเลเซีย” แนะเร่งทำความเข้าใจนักลงทุนแก้โจทย์ ‘FDI ศูนย์เหรียญ”
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังกลับจากการเข้าร่วมประชุมในงาน Thailand–China Investment Forum “Thailand-China Private Sector’s Economic Cooperation” จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ของไทย และ China Council for the Promotion of International Trade (CCPIT) ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
นายเกรียงไกร กล่าวว่าได้มีโอกาสขึ้นเวทีเพื่อนำเสนอแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทย ซึ่งมีความสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับประเทศจีน
“หลังบรรยายจบลงมาจากเวที มีนักธุรกิจจีนแสดงความสนใจเข้ามาขอข้อมูล และพูดคุยกับผมนานมาก ประมาณ 1 ชั่วโมง ได้นามบัตรกลับมาร้อยกว่าใบ คิดว่าหลังจากนี้จะทยอยแยกกลุ่มนักลงทุน และส่งต่อให้ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมแต่ละสาขา เพื่อประสานกับนักลงทุนจีนต่อไป ”
เชื่อมนโยบาย China 2025
นายเกรียงไกรกล่าวต่อว่า ได้เล่าถึงทิศทางเศรษฐกิจ และการส่งเสริมลงทุนของประเทศว่าจะไปอย่างไร เพื่อเชิญชวนให้นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุน โดย ส.อ.ท.ได้จัดตั้งสถาบัน Thai -Chinese Economic and Institute ขึ้นมาเป็นศูนย์กลางที่จะคอยเป็นสะพานเชื่อม อำนวยความสะดวกให้นักลงทุนจีนโดยตรง มีคุณอรุณ เอี่ยมสุรีย์ เป็นประธาน
“เดิมนักลงทุนจีนเขารู้จักประเทศไทยอยู่แล้ว และกำลังจะขยายการลงทุน เขามองไทย เวียดนาม มาเลเซีย เป็น 3 ประเทศเป้าหมายอยู่แล้ว ซึ่งจุดขายของเวียดนาม คือ มีเอฟทีเอเยอะ ค่าไฟราคาถูก และมีแรงงานจำนวนมาก แต่พอไทยไปเราบอกว่าประเทศไทยตอนนี้กำลังจะปรับโครงสร้างไปสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ ตรงกับนโยบาย China 2025 ของจีน ที่เน้นหนักเรื่องเทคโนโลยี พลังงานสะอาด สิ่งแวดล้อม”
โดยเน้นอุตสาหกรรม Next tech industry ใน 3 หมวด คือ New curve, BCG และอุตสาหกรรมที่จะไปสู่ net zero ทั้ง 3 อันนี้ตรงกับเรื่องความยี่งยืนของสหประชาชาติ และการเปลี่ยนแปลงตามเทรนด์โลก และตรงกับทิศทางจีน ที่ทำทั้งแผงโซลาร์ ดิจิทัล และเอไอ
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ ) ยังให้สิทธิประโยชน์กับนักลงทุนในอุตสาหกรรมเหล่านี้อย่างเต็มที่ และไทยมีความพร้อมด้านระบบสาธารณูปโภค และระบบขนส่ง ที่จะเชื่อมโยงกับเส้นทาง Belt and road intiative (BRI) ของจีน เชื่อมโยงไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านด้วย
มองQ4 ทุนจีนตบเท้าเข้าไทยต่อ
นายเกรียงไกรประเมินด้วยว่า แนวโน้มนักลงทุนจีนจะเข้ามามาในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งที่ผ่านมาจีนเป็นนักลงทุนเบอร์ 1 ที่เข้ามาลงทุนในไทยอยู่แล้ว ตั้งแต่ ปี 2565 และในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ฉะนั้นปีนี้น่าจะเป็นแชมป์ต่อปีที่สอง และเป็นแชมป์ต่อเนื่องไปอีกปี
“เราอยากเป็นพาร์ทเนอร์ หุ้นส่วนเศรษฐกิจ อยากให้นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนแล้วนำเทคโนโลยีมาถ่ายทอด ขอให้บริษัทไทย หรือคนไทยมีส่วนร่วมอยู่ในซัพพลานเชน ไม่อยากเป็นแค่จุดขายที่ดิน ขายค่าน้ำ ค่าไฟ แต่ต้องการเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกันแบบวิน-วิน เรายังเป็นศูนย์ฯที่จะเป็นจุดเชื่อมโยงการลงทุนกับเขาด้วย”
เร่งทำความเข้าใจแก้โจทย์ FDI ศูนย์เหรียญ
นายเกรียงไกลยังกล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกต และมีความเป็นห่วงว่าการขยายการลงทุนของนักลงทุนจากประเทศจีนมายังประเทศไทยที่มักมาทั้งซัพพลายเชน ไม่เว้นแม้แต่ “แรงงาน” อาจเปรียบได้กับ “FDI ศูนย์เหรียญ” เหมือนกรณี “ทัวร์ศูนย์เหรียญ”นั้น มองว่าเป็นหน้าที่ของประเทศไทยที่จะต้องทำให้นักลงทุนเห็นว่าไทยมีความพร้อมด้านใดบ้างที่จะเชื่อมโยงกันได้
“นักธุรกิจหรือนักลงทุนที่จะย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศใดๆ มักมองว่าจะทำอย่างไรที่จะสามารถสร้างโรงงาน และผลิตสินค้าออกไปจำหน่ายให้ได้ เร็วที่สุด เพราะเวลา คือ ต้นทุน อย่างหนึ่ง เวลาเขาตัดสินใจลงทุน มีการนำเข้าสินค้า ส่วนประกอบต่างๆ หรือวัตถุดิบเข้ามา ยิ่งในอาเซียน และจีน มีการลดภาษีนำเข้าระหว่างกันเป็นศูนย์ด้วยยิ่งทำให้จีนมองว่าเขาควนำเข้าวัตถุดิบ, เครื่องจักร หรือแม้แต่ช่าง เรียกว่ายกโรงงานสำเร็จรูปเข้ามาประกอบในไทย เพื่อให้ผลิตสินค้าได้เร็วขึ้น
จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะไปนำเสนอว่า ไทยมีอุตสาหกรรมอะไรบ้าง มีความพร้อมด้านใดบ้างเพื่อเชื่อมโยงกันได้”
ข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/economy/news-1421560