ฉางอัน แบรนด์รถจีน ที่ก่อตั้งมาแล้วกว่า 153 ปี เป็นผู้นำเริ่มแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์ และ #เป็นหนึ่งในสี่กลุ่มยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของจีน ซึ่งได้ผลิตและพัฒนารถยนต์หลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารไปจนถึงรถบรรทุกเชิงพาณิชย์
ในภาษาจีน CHANG แปลว่า "ยาวนาน" และ AN แปลว่า "ความปลอดภัย" เมื่อนำคำมาต่อกัน CHANGAN จึงมีความหมายว่า ความปลอดภัยอย่างยาวนาน โดยตั้งความหวังว่าจะนำความปลอดภัยและความสุขมาสู่ทุกคน
ฉางอัน ผลิตยานยนต์รุ่นแรกในปี 2502 ชื่อว่า Changjiang Type 46 เป็นยานยนต์ผลิตรุ่นแรกของจีน ซึ่งต่อมาในปี 2555 บริษัทได้จับมือกับ Suzuki, Ford และ Mazda ทำให้ฉางอันได้รับเทคโนโลยีจนสามารถผลิตรถยนต์รุ่นต่างๆ ได้แก่ Suzuki Swift, Ford Focus และ Mazda 2 เพื่อขายในตลาดในประเทศจีนเอง
และในปี 2560 ฉางอัน ประกาศว่าจะผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า อย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2568 โดยจะยุติการผลิตและจำหน่ายรถยนต์แบบเผาไหม้เชื้อเพลิง รวมถึงรถยนต์ไฮบริด
ในทุกๆ วัน มีผู้ซื้อรถฉางอัน กว่า 8,500 คันทุกวัน โดยมีศูนย์บริการและการขายทั่วโลกกว่า 6,000 แห่งใน 60 ประเทศ รวมถึงทีมงานมืออาชีพกว่า 150,000 คน
เส้นทางการลงทุนครั้งแรกที่ยิ่งใหญ่นอกประเทศจีน ปักหมุดที่ “ประเทศไทย”
รายงานจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่า ฉางอัน ออโตโมบิล ลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งจะเป็น #การลงทุนครั้งใหญ่นอกประเทศจีนเป็นแห่งแรก ด้วยวงเงิน 9,800 ล้านบาท
โรงงานฉางอันในไทย จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BEV PHEV REEV (Range Extended EV) และแบตเตอรี่ เพื่อส่งออก อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ และ แอฟริกาใต้
บริษัทได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก บีโอไอ โดยมีกำลังการผลิต 100,000 คันต่อปีในระยะแรก และจะเพิ่มกําลังการผลิตขึ้นเป็น 200,000 คันต่อปีในระยะที่ 2 เพื่อเป็นฐานการผลิตรถพวงมาลัยขวาส่งขายทั่วโลก
การลงทุนในประเทศไทยของฉางอัน แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตลาดยานยนต์และบรรยากาศการลงทุนของเมืองไทย อีกทั้งยังเป็นการประกาศที่ชัดเจนว่าไทยมีโอกาสเติบโตและเป็นศูนย์กลางในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียนที่สำคัญ
นี่จึงเป็นเรื่องที่น่าติดตามจากการเข้ามาของ ฉางอัน กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยและการยกระดับภาคการผลิตของประเทศ