นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 15 – 18 พฤษภาคม 2566 บีโอไอ พร้อมด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และบริษัทเอกชนรายใหญ่ของไทยที่มีความร่วมมือทางธุรกิจกับเกาหลีใต้ ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) จะเดินทางไปจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุน ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) เพื่อนำเสนอยุทธศาสตร์และมาตรการส่งเสริมการลงทุนใหม่ของบีโอไอ มาตรการสนับสนุนอื่น ๆ ของภาครัฐ และความพร้อมของนิคมอุตสาหกรรมในการรองรับการลงทุนจากเกาหลี ให้กับบริษัทชั้นนำของเกาหลีใต้มากกว่า 40 บริษัท รวมทั้งสมาชิกของสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเกาหลีใต้ พร้อมจัดสัมมนาครั้งใหญ่ที่กรุงโซล คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมสัมมนาไม่ต่ำกว่า 180 คน
“การโรดโชว์เกาหลีใต้ครั้งนี้ ถือเป็นเวทีการเจรจาธุรกิจครั้งใหญ่ระหว่างบีโอไอ กนอ. และบริษัทเอกชนรายใหญ่ของไทย กับบริษัทชั้นนำจากเกาหลีใต้ ที่มีความสนใจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เกาหลีใต้เป็นนักลงทุนเป้าหมายสำคัญ เนื่องจากเป็นผู้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมของโลกในหลาย ๆ ด้าน ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ต้นน้ำ ดิจิทัล การแพทย์และเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งล้วนเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เราต้องการดึงมาลงทุน เพื่อช่วยยกระดับประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจใหม่” นายนฤตม์ กล่าว
สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ บีโอไอได้จัดสัมมนาการลงทุนในหัวข้อ “Thailand Investment Promotion Strategy: NEW Economy, NEW Opportunities” โดยมีพันธมิตรทั้ง กนอ. และบริษัทชั้นนำของไทย ทั้งกลุ่ม ปตท. และเครือซีพี เข้าร่วมบรรยายให้ข้อมูลการลงทุนและโอกาสในการร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทไทย รวมถึงเปิดการเจรจาธุรกิจและให้คำปรึกษาด้านการลงทุนเป็นรายบริษัทกว่า 40 ราย
นอกจากนี้ คณะของบีโอไอจะเดินทางไปพบกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมทั้งจัดประชุมโต๊ะกลมกับสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของเกาหลีใต้ เพื่อหารือกับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอีวี ทั้งผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ ผู้ผลิตชิ้นส่วนสำคัญ ผู้พัฒนาระบบจัดการแบตเตอรี่ และผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลี ถือเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ที่ได้พัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือมายาวนานกว่า 60 ปี โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เกาหลีใต้มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนรวม 322 โครงการ มูลค่ากว่า 9.1 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เหล็กและผลิตภัณฑ์โลหะ และดิจิทัล
