พลังงานหมุนเวียนบูมรับเศรษฐกิจ BCG บีโอไอเผย 5 ปี ลงทุนโรงไฟฟ้ากว่า 2 แสนล้าน
ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนบูม รับเทรนด์โลกสู่เศรษฐกิจ BCG บีโอไอเผยรอบ 5 ปี เอกชนไทย-เทศแห่ขอรับส่งเสริมแล้ว 1,290 โครงการ เงินลงทุนกว่า 2 แสนล้าน ไตรมาส 1/65 ยังแรงไม่ตก ขอรับส่งเสริมกว่า 8 พันล้าน ม.หอการค้าฯ ชี้ผลพวงจาก 4 ปัจจัย หอการค้าไทยเชียร์ช่วยค่าไฟถูกลง
ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา (2560-2564) มีภาคเอกชนยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ที่เป็นพลังงานสะอาด (พลังงานจากแสงอาทิตย์ ลม น้ำ ชีวมวล ก๊าซชีวภาพ หรือขยะชุมชน) 1,290 โครงการ เงินลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งจากนี้ไปจะเป็นอีกหนึ่งจุดขายที่สำคัญที่จะช่วยดึงดูดการลงทุนใหม่ ๆ เข้าประเทศไทย
ทั้งนี้ บีโอไอระบุทิศทางการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของไทยในปีนี้ยังมีแนวโน้มดี มีปัจจัยสนับสนุนจากประเทศต่าง ๆ เริ่มปรับตัวในการอยู่กับโควิด กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาเป็นปกติ รวมถึงมาตรการเปิดประเทศของไทย จะส่งผลดีต่อการตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะโครงการใหม่ๆ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ รองเลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า การขอรับการส่งเสริมการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในไทยยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยในปี 2564 มีเอกชนขอรับการส่งเสริม 506 โครงการ เงินลงทุน 75,061 ล้านบาท และในไตรมาสแรกปี 2565 ขอรับส่งเสริม 101 โครงการ เงินลงทุน 8,022 ล้านบาท
โครงการส่วนใหญ่สัดส่วนกว่า 80% ถือหุ้นโดยนักลงทุนไทย 100% รองลงมาเป็นโครงการร่วมทุนที่ไทยถือหุ้นข้างมาก ส่วนโครงการที่ต่างชาติถือหุ้นข้างมาก มีจำนวนไม่มาก เช่น มีโครงการจากประเทศจีน ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส และสิงคโปร์ และส่วนใหญ่เป็นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ รองลงมาคือ ชีวมวล ลม ก๊าซชีวภาพ และขยะชุมชน
“โครงการผลิตไฟฟ้าจะมี 2 แบบคือ ผลิตเพื่อใช้เอง กับผลิตเพื่อจำหน่าย โดยกรณีผลิตไฟฟ้าใช้เอง หรือจำหน่ายให้กับบริษัทในเครือ ปัจจัยหลักจากการลดต้นทุน ทั้งในส่วนของต้นทุนค่าไฟฟ้า หรือการนำเอาเศษวัสดุหรือของเสียจากโรงงานมาหมักเป็นก๊าซชีวภาพหรือเอาเศษไม้ แกลบมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดทั้งปริมาณของเสีย ค่าใช้จ่ายในการจัดการของเสีย และลดต้นทุนค่าไฟได้ด้วย”
ทั้งนี้จากเทรนด์โลกกำลังมุ่งสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ บริษัทชั้นนำต่างตั้งเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอน ที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก และทำให้โลกร้อน รวมถึงยังยึดแนวทางความยั่งยืน หรือ ESG (Environment Social Governance-สิ่งแวดล้อม สังคม และการจัดการภาครัฐ) เป็นหัวใจหลักในการทำธุรกิจ และการออกไปลงทุนในต่างประเทศก็จะเลือกประเทศที่มีแหล่งพลังงานสะอาดเพียงพอสำหรับภาคอุตสาหกรรม
ดังนั้นหนึ่งในทิศทางการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอจะเน้นการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนที่นำไปสู่การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพสูง เช่น กลุ่ม BCG (Bio-Circular-Green Industries) และการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ดิจิทัล ออโตเมชั่นและหุ่นยนต์ ชิ้นส่วนอากาศยาน เครื่องมือแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
ข้อมูลจาก: https://www.thansettakij.com/economy/527468