วันที่ 14 มีนาคม 2567 นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ ร่วมคณะเดินทางชักจูงการลงทุน ณ ประเทศฝรั่งเศส โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้นำคณะ ระหว่างวันที่ 7-12 มีนาคม 2657
โดยการเดินทางชักจูงการลงทุนในครั้งนี้ คณะได้นำเสนอนโยบาย และทิศทางส่งเสริมการลงทุน รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมร่วมหารือกับเอกชน 12 บริษัทและองค์กรชั้นนำของฝรั่งเศส ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อากาศยาน อาหาร ท่องเที่ยว เพื่อเปิดโอกาส ย้ำศักยภาพและสร้างความเชื่อมั่นด้านการลงทุนในไทย ดังนี้
1. บริษัท ACCOR Group Worldwide บริษัทชั้นนำในภาคธุรกิจการบริการ และเป็นเครือโรงแรมจากต่างประเทศใหญ่ที่สุดที่เข้ามาดำเนินกิจการในประเทศไทย โดยการหารือร่วมกันในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยว ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการขาย (Co-Promotion) และจากนโยบายรัฐบาลที่ต้องการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว โดยบริษัทจะพิจารณาความถึงเป็นไปได้ที่จะขยายสาขาในไทยเพิ่มในอนาคต
2. บริษัท Michelin บริษัทผลิตยางล้อสำหรับยานพาหนะรายใหญ่ สัญชาติฝรั่งเศส โดยในการพบกันครั้งนี้ได้มีการหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาด รวมถึงหารือในประเด็นกฎระเบียบใหม่ (regulation) เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียม ปัจจุบันบริษัทได้ลงทุนในไทยแล้ว 5 โรงงาน เกิดการจ้างงานกว่า 8 พันคน
3. สหพันธ์แฟชั่นและการตัดเย็บชั้นสูง (Fédération de la Haute Couture et de la Mode) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลอุตสาหกรรมแฟชั่นของฝรั่งเศส โดยการหารือครั้งนี้เพื่อร่วมกันผลักดันโปรแกรมพัฒนา Young Designers ร่วมกับมหาลัยชั้นนำต่าง ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพ และวางเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านแฟชั่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต
4. Comité Colbert องค์กรอิสระที่เป็นตัวแทนส่งเสริมและรักษาผลประโยชน์ของแบรนด์สำคัญในฝรั่งเศส โอกาสนี้ คณะได้เชิญประธาน และสมาชิกองค์กร มาเยือนไทยเพื่อศึกษาดูงานเกี่ยวกับซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อร่วมมือพัฒนา ศิลปะและงานฝีมือไทย
5. บริษัท Michelin guide บริษัทเห็นว่า ไทยมีศักยภาพด้านอาหาร จึงพร้อมส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารภายในประเทศไทย เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาหาประสบการณ์ในด้านอาหารในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น โดยการหารือในครั้งนี้หวังที่จะยกระดับความร่วมมือกับ Michelin เพื่อช่วยส่งเสริมในการร่วมจัดงานอีเวนต์ต่าง ๆ ทั้งในไทย และต่างประเทศ เพื่อเป็นการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทย
6. บริษัท Richemont กลุ่มบริษัทเจ้าของแบรนด์ดังระดับโลก อาทิ Cartier, Van Cleef & Arpels, IWC โดยในการหารือในครั้งนี้ ได้พูดถึงความเป็นไปได้ในการทำงานร่วมกับแบรนด์ไทย เพื่อส่งเสริมศักยภาพของนักออกแบบไทย รวมถึงเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบไทยที่มีคุณภาพ ตลอดจนการร่วมกันจัดกิจกรรม อาทิ popup store, co-promotion เพื่อหนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในอนาคต
7. บริษัท Valeo ผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบและการผลิตส่วนประกอบ ระบบบูรณาการ และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ในการพบกันครั้งนี้ เพื่อเชิญชวนบริษัทมาขยายการลงทุนในประเทศไทย ผลักดันการสร้างระบบนิเวศให้กับรถ EV รวมถึงต่อยอดการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของไทย
8. บริษัท Airbus บริษัทผลิตอากาศยานและระบบป้องกันประเทศที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีชื่อเสียงในด้านเครื่องบินไอพ่นเชิงพาณิชย์ โดยบริษัทมีเทคโนโลยีด้านความมั่นคงทางอากาศ ซึ่งบริษัทไทยเป็นหนึ่งในเป็นศูนย์บริการปฏิบัติการการบิน ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 2 แห่ง คือฝรั่งเศสและไทย
9. บริษัท Forvia บริษัทที่บริษัทซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนยานยนต์ (Tier 1 Supplier) ข้ามชาติของฝรั่งเศสใหญ่อันดับ 7 ของโลก ซึ่งพร้อมจะขยายการลงทุนในไทย โดยการหารือในครั้งนี้ได้มีการพูดคุยเรื่องการให้สนับสนุนการลงทุน การอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ (Ease of doing business) ในประเทศไทย
10. บริษัท EssilorLuxottica บริษัทผู้ออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เลนส์สายตา แว่นกันแดด โดยในการพบกันครั้งนี้ได้หารือเกี่ยวกับการให้การสนับสนุนในด้าน Human Resource Development รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับ FTA ระหว่างไทยและสหภาพยุโรป นอกจากนี้ บริษัทยังเล็งเห็นศักยภาพแรงงานฝีมือไทย และมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนแรงงานไทยจากเดิม 6,000 เป็น 12,000 คน และ (BOI)
11. บริษัท Stellantis บริษัทผลิตรถยนต์อันดับ 4 ของโลก ในการนี้ได้หารือเพื่อให้เกิดความร่วมมือด้านการลงทุน ซึ่งบริษัทสนใจจะลงทุนในไทย ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน
12. ผู้เชี่ยวชาญด้าน Global Head of Music ของ Youtube เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และศึกษาแนวทางการยกระดับและส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรม Digital Content ของไทย
ข้อมูลอ้างอิงจาก : https://www.prachachat.net/economy/news-1522252