สร้างธุรกิจรักษ์โลกกับเส้นในรีไซเคิลและสิ่งทอ พร้อมรับสิทธิบีโอไอ
ทุกอย่างรอบตัวเราเต็มไปด้วย "โอกาสที่รอการเปลี่ยนแปลง"
ขวดพลาสติกธรรมดาในมือเราวันนี้ อาจกลายเป็นเสื้อผ้า Collection ใหม่ของแบรนด์ระดับโลกในวันพรุ่งนี้ เสื้อผ้าเก่าที่ไม่ได้ใช้ อาจถูกแปลงโฉมเป็นกระเป๋าดีไซน์ใหม่ที่กลายเป็น Must Have Item ที่ฮิตติดกระแส
นี่คือการเดินทางของ "เส้นใยรีไซเคิล" วัตถุดิบแห่งอนาคตที่ไม่ได้แค่เปลี่ยนแปลงโลกแฟชั่น แต่ยังเปิดมุมมองใหม่ทางเศรษฐกิจและโอกาสทางธุรกิจกำลังสร้างกระแสในตลาดโลก
> Sustainable Fashion : เมื่อขยะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจใหม่
การนำขยะกลับมาใช้ใหม่ผ่านการรีไซเคิล เช่น การผลิต "เส้นใยรีไซเคิล" กลายเป็นหัวใจสำคัญของแฟชั่นที่ยั่งยืน เส้นใยรีไซเคิลช่วยลดปัญหาขยะและสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค แบรนด์แฟชั่นระดับโลกต่างเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จาก
เส้นใยรีไซเคิล
ตัวอย่างความสำเร็จจากแบรนด์ระดับโลก
• Nike Move to Zero : รองเท้ากีฬาจากวัสดุรีไซเคิล
• H&M Conscious Collection : เสื้อผ้าที่ผลิตจากเส้นใยรีไซเคิล 100%
• Patagonia : เสื้อกันหนาวที่ทำจากขวดพลาสติก PET
> เส้นใยรีไซเคิล : นิยามใหม่ของแฟชั่นยั่งยืน
เส้นใยรีไซเคิลไม่ใช่แค่ "รักษ์โลก" แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมแฟชั่น ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ทั้งด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เส้นใยรีไซเคิลสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก
1. เส้นใยจากพลาสติกรีไซเคิล (Recycled Plastic Fibers)
ใช้ขวด PET ผ่านกระบวนการรีไซเคิล จะถูกแปลงเป็นเส้นใยโพลีเอสเตอร์ ซึ่งเหมาะสำหรับการผลิตเสื้อผ้าลำลองและชุดกีฬา
2. เส้นใยรีไซเคิลจากวัสดุสิ่งทอ (Recycled Textile Fibers)
เศษผ้าหรือเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วจะถูกนำมาผลิตใหม่ ลดขั้นตอนการย้อมสีและช่วยลดปริมาณน้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิต
3. เส้นใยธรรมชาติรีไซเคิล (Recycled Natural Fibers)
วัสดุเหลือใช้จากการเกษตร เช่น ใบสับปะรด สามารถแปรรูปเป็นเส้นใยที่มีน้ำหนักเบาและทนทาน เหมาะสำหรับสินค้าไลฟ์สไตล์
จากรายงานของ Krungthai COMPASS ระบุว่า การผลิตเสื้อยืดจากเส้นใยรีไซเคิล 100% จะช่วยให้ผู้ผลิตมีกำไรเพิ่มขึ้นราว 3% ต่อตัว เมื่อเปรียบเทียบกับเสื้อยืดทั่วไป
นอกจากนี้ การใช้เส้นใยรีไซเคิลยังช่วยลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิตได้ถึง 95% และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 45% ต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงความยั่งยืนทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ
> โอกาสของเส้นใยรีไซเคิลในตลาดโลก กับ 4 ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโต
1. ตอบโจทย์ความต้องการที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับสินค้าแฟชั่นที่เป็นมิตรต่อโลกมากขึ้น การผลิตเสื้อผ้าจากเส้นใยรีไซเคิลช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้สินค้าเหล่านี้กลายเป็นตัวเลือกแรกของคนที่ใส่ใจความยั่งยืน
2. ลดความเสี่ยงจากต้นทุนวัตถุดิบผันผวน
การผลิตเสื้อผ้าจากเส้นใยรีไซเคิลช่วยลดการพึ่งพาวัตถุดิบธรรมชาติอย่างฝ้าย ซึ่งมีความเสี่ยงด้านราคาและผลผลิต ทั้งยังช่วยลดการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ
3. นวัตกรรมที่ก้าวล้ำและต้นทุนที่ลดลง
เทคโนโลยีการรีไซเคิลที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้การผลิตเส้นใยรีไซเคิลมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ต้นทุนลดลง และช่วยเร่งการเติบโตของตลาดแฟชั่นรักษ์โลก
4. Green Standards
มาตรฐานระดับโลก เช่น Global Recycled Standard (GRS) ช่วยให้ผลิตภัณฑ์รีไซเคิลได้รับการยอมรับในตลาดโลก
ประเทศไทย : พร้อมในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้
บีโอไอมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจหรือโครงการผลิตเส้นใยรีไซเคิลอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ในประเทศไทย เช่น ขวดพลาสติก PET และเศษผ้า ให้กลายเป็นวัตถุดิบที่มีมูลค่าเพิ่ม พร้อมช่วยลดของเสียในกระบวนการผลิต และผลักดันประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านแฟชั่นที่ยั่งยืน
แนวทางนี้มากไปกว่าการเปิดโอกาสธุรกิจใหม่ ยังช่วยยกระดับประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางแฟชั่นรักษ์โลกที่โดดเด่นในเอเชีย
.
สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการ เมื่อลงทุนในกิจการผลิตเส้้นใยรีไซเคิล (Recycled Fiber)
• ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการลงทุน
• ยกเว้นอากรขาเข้า สำหรับเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
• สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะสร้างนิยามใหม่ให้กับแฟชั่นที่ไม่ใช่แค่ "ดีไซน์สวย" แต่ยัง "รักษ์โลก" และ "ยั่งยืน"