บริษัท ออล อะเบ๊าท์ เอ็กซ์แทรกท์ จำกัด คือ ตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำเทคโนโลยีชีวภาพมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เงินลงทุนกว่า 12 ล้านบาท ที่ไม่เพียงแค่พัฒนาผลิตภัณฑ์โพรไบโอติกคุณภาพสูง แต่ยังเป็นการพัฒนาโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทยที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
ตลาดโพรไบโอติก (Probiotic) กำลังกลายเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในยุคที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพและการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันมากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมา (2023) ตลาดนี้มีอัตราเติบโตถึง 10.30% และคาดว่าจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยปัจจุบันมูลค่าตลาดทั่วโลกสูงถึง 74,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
ด้วยคุณสมบัติเด่นโพรไบโอติกได้กลายเป็นส่วนสำคัญในกลุ่ม Functional Food เนื่องจากคุณสมบัติในการปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเครียดและอาการซึมเศร้า และเสริมสร้างสุขภาพจิต ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทย กำลังมีบทบาทสำคัญในตลาดนี้เช่นกัน การเติบโตของโพรไบโอติกในไทยมีอัตราเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 12.21% และมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าจุลินทรีย์โพรไบโอติกจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาสูงถึง 25,000 – 45,000 บาทต่อกิโลกรัม ข้อจำกัดนี้กลับกลายเป็นโอกาสสำคัญสำหรับการลงทุนและพัฒนาโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย ซึ่งสามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกและช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าได้
นี่เป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ ด้วยการเติบโตของตลาดที่แข็งแกร่งในระดับโลก ผู้ที่สามารถนำนวัตกรรมและการพัฒนาในประเทศเข้ามาเสริมจะสามารถก้าวทันกระแสการเติบโตนี้ได้อย่างแน่นอน
จากกระแสสุขภาพสู่โอกาสแห่งการลงทุน
โครงการนี้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ในประเภท “กิจการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology)” ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้บริษัทสามารถขยายกำลังการผลิตและการวิจัยพัฒนา เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดการส่งออก ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่มีความต้องการสูง
ใช้ทรัพยากรในประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่ม
การวิจัยและพัฒนาโดยทีมงานจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกับบริษัทฯ ช่วยสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ Probiotic ที่มีความเฉพาะตัว โดยใช้จุลินทรีย์สายพันธุ์ท้องถิ่น เช่น Lactobacillus salivarius และ Lactobacillus paracasei ที่ผ่านการเพาะเลี้ยงและทดสอบอย่างละเอียด ในการพัฒนาไบโอเทคโนโลยี และการผลิตจุลินทรีย์เชิงพาณิชย์ผ่านบันทึกความเข้าใจ (MOU) ช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในระดับสากลว่าผลิตภัณฑ์ Probiotic สายพันธุ์ไทยนี้มีคุณภาพสูงและผ่านการวิจัยที่ทันสมัยและโครงการนี้มีศักยภาพในการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เน้นความยั่งยืนและความปลอดภัยต่อสุขภาพ ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ
Probiotic กำลังกลายเป็นธุรกิจดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ด้วยแรงหนุนจากกระแสผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับการให้การส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ จะทำให้การผลิต Probiotic สายพันธุ์ไทยในโครงการนี้ เป็นตัวอย่างของการนำงานวิจัยขยายตลาดให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากขึ้น พร้อมผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโต สอดรับกับเทรนด์ Future Food ที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไทยไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน