"BOI" ชี้ 1 ปี LTR Visa สร้างมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 4,000 ล้านบาท เผยมีผู้ยื่นขอรวม 4,842 ราย ชี้เป็นยุโรปมากที่สุด 2,179 ราย ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา 810 ราย และจีน 507 ราย ระบุเป็นมาตรการสำคัญที่ดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพ
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยว่า หลังเปิดตัววีซ่าพำนักระยะยาว หรือ Long-Term Resident Visa (LTR Visa) อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา (1 ก.ย. 2565 – 31 ส.ค. 2566) มีผู้ยื่นขอ LTR Visa รวม 4,842 ราย โดยชาวต่างชาติ 3 อันดับแรก ได้แก่ ยุโรป 2,179 ราย สหรัฐอเมริกา 810 ราย และจีน 507 ราย แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย
ผู้เกษียณอายุที่มีบำนาญหรือรายได้อื่น ๆ ไม่น้อยกว่า 80,000 เหรียญสหรัฐต่อปี จำนวน 1,451 ราย คิดเป็น 30%
ผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย จำนวน 1,228 ราย คิดเป็น 25.4%
ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ จำนวน 757 ราย คิดเป็น 15.6%
ผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจดี มีรายได้อย่างน้อย 1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี จำนวน 304 ราย คิดเป็น 6.3%
คู่สมรสและผู้ติดตาม จำนวน 1,102 ราย คิดเป็น 22.8%
ทั้งนี้ 1 ปีของการดำเนินงาน พบว่า ผู้ยื่นขอใช้สิทธิตามมาตรการ LTR Visa ในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่มาจากองค์กรชั้นนำระดับโลก ที่มีการตั้งสำนักงานในประเทศไทย เช่น บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ,บริษัท ไอเอชไอ พาวเวอร์ ซิสเต็ม (ประเทศไทย) จำกัด ,บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช ออโตโมทีฟ เทคโนโลยีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ,บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ซึ่งบีโอไอจะดำเนินการในเชิงรุก เพื่อสนับสนุนและสร้างบรรยากาศ รวมถึงระบบนิเวศที่ดีต่อการลงทุนในไทย เช่น การอำนวยความสะดวก แก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการทำธุรกิจ การพัฒนากำลังคนรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจใหม่ที่เติบโตอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ดี LTR Visa นอกจากเป็นเครื่องมือ ในการกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วแล้ว ในระยะยาวยังเป็นเครื่องมือในการสร้างศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภูมิภาค ที่มีความพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพ และความได้เปรียบด้านสังคม วัฒนธรรม ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ที่ทำให้ใครก็ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
จากรายงาน Expat Insider 2023 ที่จัดทำโดยเว็บไซต์ InterNations ซึ่งมีเครือข่าย Expat เป็นสมาชิกกว่า 5 ล้านคนทั่วโลก จัดให้ไทยอยู่ในอันดับ 6 ของประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าอยู่และเหมาะให้ชาวต่างชาติมาทำงานมากที่สุดในโลก จากทั้งหมด 53 ประเทศ ขยับจากปี 2022 ที่อยู่อันดับ 8 และปี 2021 อยู่ในอันดับ 12
รายงานฉบับดังกล่าว ระบุด้วยว่า ประเทศไทยมีระดับความสุขของการทำงานของ Expats ถึง 86% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก อยู่ที่ 72% ดัชนีดังกล่าวสะท้อนถึงความสำเร็จในการดำเนินนโยบายดึงดูดผู้พำนักชาวต่างชาติของไทย
ข้อมูลจาก : https://www.thansettakij.com/business/economy/