เศรษฐกิจไทยโค้งสุดท้ายของปีนี้แม้จะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากปัจจัยลบสะสมที่เริ่มตั้งแต่ผลกระทบจากโควิด-19 ที่ยาวนานต้องใช้เวลาฟื้นฟู ประกอบกับผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น เศรษฐกิจโลกเสี่ยงถดถอย กดดันเศรษฐกิจในประเทศ แม้ส่งออกดี แต่ขาดดุล ค่าครองชีพพุ่ง เงินเฟ้อสูงจากวิกฤตพลังงาน จึงฟื้นในรูปตัวเค
มองข้ามช็อตไปปี 2566 หลายสำนักพยากรณ์เศรษฐกิจไทยต้องเจอความท้าทาย แม้คาดหวังการส่งออก การท่องเที่ยวการลงทุนจากภาครัฐและเอกชน ขณะเดียวกันก็ต้องจับตาตัวแปรสำคัญ นั่นคือ สถานการณ์การเมืองของไทยที่เริ่มระอุใกล้เข้าโหมดเลือกตั้ง อาจสะเทือนเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาลชุดนี้หรือไม่
⦁ คมนาคมทุ่ม3.11แสนล.โหมลงทุน
โฟกัสการลงทุนภาครัฐ พบว่าปี 2566 แผนลงทุนของกระทรวงคมนาคม หน่วยงานขับเคลื่อนโครงด้านระบบขนส่งของประเทศน่าจับตาอย่างมากเพราะคงลงทุนต่อเนื่อง ท่ามกลางการลงทุนเอกชนทั้งไทยและต่างชาติที่เบาบางลง
ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า ปี 2566 กระทรวงมีแผนที่จะพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง และโครงการใหม่ วงเงินลงทุน 311,483.56 ล้านบาท ใช้แหล่งเงินประกอบด้วย งบประมาณแผ่นดิน 201,510.96 ล้านบาท คิดเป็น 64.96% รองลงมาคือ วงเงินกู้ 44,087.01 ล้านบาท คิดเป็น 14.15% เงินลงทุนจากการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานต่างๆ วงเงิน 42,433.25 ล้านบาท คิดเป็น 13.62% เงินจากกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (ทีเอฟเอฟ) 8,598.26 ล้านบาท คิดเป็น 2.76% และเงินจากโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ราว 5,701.71 ล้านบาท คิดเป็น 1.83% เป็นต้น
สำหรับโครงการที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนา และจะจัดใช้งบประมาณในปี 2566 ดำเนินการอย่างต่อเนื่องอาทิ ทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) มอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) มอเตอร์เวย์สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว (M82) ทางพิเศษ สายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอก-ระบบจัดเก็บค่าผ่านทางแบบไม่มีไม้กั้น (เอ็มโฟลว์) รวมไปถึงการพัฒนาศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า เชียงของ จังหวัดเชียงราย โครงการศูนย์การขนส่งชายแดน จังหวัดนครพนม โครงการทางคู่ ระยะที่ 1 รวม 5 สายทาง และรถไฟสายใหม่ 2 สายทาง โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3
⦁ เร่งเครื่องบูมด้านขนส่งต่อเนื่อง
ส่วนโครงการที่ได้มีการเร่งรัดในปี 2565 ได้แก่ โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า เชียงของ จ.เชียงราย รองรับการขนส่งสินค้าทางถนนบนเส้นทางสาย R3A เชื่อมต่อการขนส่งไปยัง สปป.ลาว และจีนตะวันตก (มณฑลยูนนาน)และรองรับการเปลี่ยนรูปแบบ การขนส่งกับระบบราง ผ่านแนวรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงินลงทุน 2,864 ล้านบาท ปัจจุบัน ขบ.ได้เปิดให้บริการแล้ว และอยู่ระหว่างการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบให้ภาครัฐรับผิดชอบการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน โดยในขณะที่ภาคเอกชนรับผิดชอบงานส่วนที่เหลือทั้งหมด หรือ PPP Net Cost โครงการศูนย์การขนส่งชายแดน จังหวัดนครพนม เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าทางถนนบนเส้นทางสาย R12 เชื่อมต่อการขนส่งไปยัง สปป.ลาว-เวียดนาม-จีนตอนใต้ (นครหนานหนิงมณฑลกวางสี) และรองรับการเปลี่ยน รูปแบบการขนส่งกับระบบราง ผ่านแนวรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม วงเงินลงทุน 1,361.36 ล้านบาท โดยให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Net Cost ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างและมีแผนเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2567
ทั้งนี้ ยังได้มีการเร่งรัดพัฒนาระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล รวม 14 เส้นทาง 554 กิโลเมตร (กม.) ซึ่งในจำนวนนี้ อยู่ระหว่างก่อสร้าง 4 สาย ได้แก่ สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี คาดเปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคม 2566 และช่วงศรีรัช-เมืองทองธานี อยู่ระหว่างก่อสร้าง สายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง คาดว่าเปิดให้บริการในเดือนเมษายน 2566 และช่วงแยกรัชดา-ลาดพร้าว-แยกรัชโยธิน อยู่ระหว่างเจรจากับผู้รับสัมปทาน สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี คาดเปิดให้บริการเดือนธันวาคม 2568 และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์พญาไท-ดอนเมือง (3 สนามบิน) อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าเปิดให้บริการได้ในเดือนมกราคม 2571
⦁ กางแผนเชื่อมต่อรถไฟฟ้าทั่วกรุง
ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างเร่งรัดดำเนินการ 4 สาย ได้แก่ สีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ อยู่ระหว่างเตรียมประกวดราคา คาดเปิดบริการในเดือนธันวาคม 2570 สีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-หัวหมาก ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา และช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช อยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐกับเอกชน (พีพีพี) สีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง และช่วงรังสิต-มธ.ศูนย์รังสิต อยู่ระหว่างศึกษารูปแบบพีพีพี และสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ อยู่ระหว่างคัดเลือกเอกชน คาดเปิดให้บริการในเดือนกันยายน 2570
ขณะเดียวกัน โครงการที่จะเร่งพัฒนาในระยะต่อไป มีทั้งหมด 8 สาย ได้แก่ สีเขียว ช่วงคูคต-ลำลูกกา อยู่ระหว่างการหารือร่วมกันของกรุงเทพมหานคร (กทม.) กับกระทรวงคมนาคม สีเขียว ช่วงสมุทรปราการ-บางปู อยู่ระหว่างการหารือร่วมกันของกรุงเทพมหานคร (กทม.) กับกระทรวงคมนาคม สีแดงเข้ม ช่วงหัวลำโพง-วงเวียนใหญ่-มหาชัย อยู่ในขั้นตอนการของบประมาณปี 2566 เพื่อทบทวนแบบ สีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อยู่ระหว่างศึกษาทบทวนแบบ สีฟ้าช่วงดินแดง-สาทร สีน้ำเงิน ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4ชะลอโครงการ สีทอง ช่วงคลองสาน-ถนนประชาธิปก อยู่ระหว่างของบประมาณ เพื่อจ้างศึกษาพีพีพี และสีเทา ช่วงวัชรพล-ท่าพระ อยู่ระหว่างปรับปรุงรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ตามความเห็นชอบของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ คชก.
⦁ หนุนจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ
นอกจากนี้ ยังได้มีการผลักดันการจัดตั้งสายเดินเรือแห่งชาติ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการขนส่งทางทะเล เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยไม่มีสายการเดินเรือแห่งชาติ ทำให้ไม่มีอำนาจในการต่อรอง และแข่งขัน กับสายการเดินเรือของประเทศอื่น โดยรัฐบาลจะร่วมกับภาคเอกชนในการจัดตั้งสายเดินเรือของไทยขึ้น ซึ่งจะอำนวยความสะดวกพร้อมให้สิทธิพิเศษในการจัดตั้ง เพื่อให้กองเรือไทยสามารถแข่งขันได้ และเป็นเครื่องมือในการขนส่งสินค้าของไทยเพื่อสร้างความเติบโตให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืน
สำหรับความคืบหน้าปัจจุบัน การท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้จัดทำสรุปรายงานผลการศึกษาฯ ประกอบด้วย การศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติและแนวทางการพัฒนากองเรือพาณิชย์ไทยและการจัดตั้งบริษัทสายการเดินเรือแห่งชาติตามหลักเกณฑ์การจัดตั้ง ร่วมทุน และกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กำหนด ต่อกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาต่อไป
⦁ ปี’66 รุกลงทุนทางพิเศษ
ส่วนโครงการใหม่ที่จะเร่งรัดลงทุนในปี 2566 อาทิ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์) (M5) ระยะทาง 22 กม. วงเงินลงทุน 28,700 ล้านบาท มอเตอร์เวย์สาย M9 วงแหวนตะวันตก ช่วงบางขุนเทียน-บางบัวทอง ระยะทาง 36 กม. วงเงินลงทุน 56,035 ล้านบาท ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายนครปฐม-ชะอำ ระยะทาง 109 กม. วงเงินลงทุน 79,006 ล้านบาท มอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา (M7) ระยะทาง 1.92 กม. วงเงินลงทุน 4,508 ล้านบาท ทางพิเศษ ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ระยะทาง 30 กม.วงเงินลงทุน 30,896 ล้านบาท และช่วงกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กม. วงเงินลงทุน 14,470 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ยังมีโครงการแผนพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง (เอ็มอาร์ แมป) สะพานเชื่อมเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ โครงการแลนด์บริจด์ ชุมพร-ระนอง โครงการเพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3และโครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต ระยะที่ 2 เป็นต้น โดยปัจจุบันหลายโครงการใหม่มีสถานะอยู่ระหว่างนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบ
จากโรดแมปลงทุนดังกล่าว แม้คมนาคมจะโหมแบบจัดหนักจัดเต็มเพื่อเร่งสร้างมูลค่าเศรษฐกิจให้ประเทศ แต่จากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นในประเทศ โดยเฉพาะประเด็นทางการเมือง ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าหากเลือกตั้งแล้วจะทำให้เมกะโปรเจ็กต์เหล่านี้สะดุดหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป!!
ข้อมูลจาก : https://www.matichon.co.th/economy/eco-report/news_3620857
